คู่มือการสร้างเว็บไซต์: การจดโดเมนและเช่าพื้นที่โฮสติ้ง

ส่วนที่ 1: การจดโดเมน (Domain Registration)

การจดโดเมนเป็นขั้นตอนแรกในการสร้างเว็บไซต์ของคุณ โดเมนคือชื่อที่ผู้ใช้จะพิมพ์เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณ (เช่น example.com)

ขั้นตอนการจดโดเมน:

  1. เลือกผู้ให้บริการจดโดเมน – มีหลายบริษัทที่ให้บริการจดโดเมน เช่น:
    • Namecheap
    • GoDaddy
    • Google Domains
    • Name.com
    • Thai Registrar อย่าง T.H.NIC สำหรับโดเมน .th และ .co.th
  2. ค้นหาชื่อโดเมนที่ต้องการ – ตรวจสอบว่าชื่อโดเมนที่คุณต้องการยังว่างอยู่หรือไม่
  3. เลือกนามสกุลโดเมน – เช่น .com, .net, .org, .co.th, .in.th, .th เป็นต้น
  4. จ่ายค่าลงทะเบียนโดเมน – โดยทั่วไปค่าจดโดเมนจะอยู่ที่ประมาณ 300-1,500 บาทต่อปี ขึ้นอยู่กับนามสกุลโดเมน
  5. กรอกข้อมูลเจ้าของโดเมน – ต้องระบุข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลบริษัทที่เป็นเจ้าของโดเมน

ส่วนที่ 2: การเช่าพื้นที่โฮสติ้ง (Hosting)

โฮสติ้งคือพื้นที่บนเซิร์ฟเวอร์ที่จะเก็บไฟล์เว็บไซต์ของคุณ

ขั้นตอนการเช่าพื้นที่โฮสติ้ง:

  1. เลือกผู้ให้บริการโฮสติ้ง – แต่ละผู้ให้บริการมีแพ็กเกจและราคาแตกต่างกัน:
    • Bluehost – เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น มีการติดตั้ง WordPress อัตโนมัติ
    • DigitalOcean – เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการ VPS
    • Vultr – บริการ Cloud Hosting ที่ยืดหยุ่น
    • Hostinger – ราคาประหยัด เหมาะสำหรับเว็บขนาดเล็ก
    • SiteGround – มีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับเว็บที่มีผู้เข้าชมมาก
  2. เลือกแพ็กเกจที่เหมาะสม – พิจารณาจาก:
    • พื้นที่เก็บข้อมูล (Storage)
    • แบนด์วิดท์ (Bandwidth)
    • จำนวนฐานข้อมูล (Databases)
    • จำนวนอีเมล (Email accounts)
    • การรองรับ SSL
    • ความเร็วของเซิร์ฟเวอร์
  3. ชำระค่าบริการ – ส่วนใหญ่จะมีตั้งแต่รายเดือนไปจนถึงรายปี (การจ่ายรายปีมักจะได้ส่วนลดมากกว่า)

การเชื่อมต่อโดเมนกับโฮสติ้ง

หลังจากที่คุณได้จดโดเมนและเช่าพื้นที่โฮสติ้งแล้ว คุณจะต้องเชื่อมต่อทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน:

การตั้งค่า Name Server (NS):

  1. ตรวจสอบ Name Server ของผู้ให้บริการโฮสติ้ง – แต่ละผู้ให้บริการจะมี NS เป็นของตัวเอง:
    • Bluehost: ns1.bluehost.com, ns2.bluehost.com
    • DigitalOcean: ns1.digitalocean.com, ns2.digitalocean.com, ns3.digitalocean.com
    • Vultr: ns1.vultr.com, ns2.vultr.com
    • Hostinger: ns1.hostinger.com, ns2.hostinger.com, ns3.hostinger.com, ns4.hostinger.com
    • SiteGround: ns1.siteground.net, ns2.siteground.net
  2. เข้าไปที่ระบบจัดการโดเมนที่คุณได้จดไว้ – เข้าสู่ระบบที่ผู้ให้บริการจดโดเมนของคุณ
  3. ค้นหาส่วนของการตั้งค่า Name Server – อาจเรียกว่า “Name Servers,” “DNS,” หรือ “DNS Management”
  4. เปลี่ยน Name Server เป็นของผู้ให้บริการโฮสติ้ง – ใส่ NS ของผู้ให้บริการโฮสติ้งที่คุณเช่าพื้นที่ไว้
  5. บันทึกการเปลี่ยนแปลง – อาจใช้เวลา 24-48 ชั่วโมงในการอัพเดตทั่วโลก (DNS Propagation)

การตรวจสอบการเชื่อมต่อ:

  1. ใช้เครื่องมือตรวจสอบ DNS – เช่น whatsmydns.net, dnschecker.org
  2. ตรวจสอบว่าโดเมนชี้ไปที่ IP ของโฮสติ้งถูกต้อง – ใช้คำสั่ง ping หรือ nslookup ในคอมพิวเตอร์

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  1. เลือกโฮสติ้งให้เหมาะกับขนาดเว็บไซต์ – เว็บเล็กใช้แพ็กเกจเริ่มต้น เว็บใหญ่หรือมีทราฟฟิกมากควรเลือกแพ็กเกจที่สูงขึ้น
  2. ตรวจสอบความเร็วและความเสถียรของโฮสติ้ง – อ่านรีวิวจากผู้ใช้จริงก่อนตัดสินใจ
  3. ดูว่ามีการสำรองข้อมูล (Backup) อัตโนมัติหรือไม่ – สำคัญมากเพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย
  4. ตรวจสอบความง่ายในการใช้งานแผงควบคุม – เช่น cPanel, Plesk, หรือแผงควบคุมเฉพาะของผู้ให้บริการ
  5. พิจารณาการรองรับเทคโนโลยีล่าสุด – เช่น PHP เวอร์ชันล่าสุด, HTTP/2, SSL/TLS ล่าสุด
  6. เช็คบริการช่วยเหลือลูกค้า – ควรมีช่องทางติดต่อหลายช่องทางและให้บริการ 24/7 ได้ยิ่งดี

ข้อควรระวัง:

  1. ระวังการต่ออายุโดเมนและโฮสติ้ง – หากลืมต่ออายุ อาจทำให้เว็บไซต์หยุดทำงานหรือสูญเสียโดเมนได้
  2. เก็บข้อมูลเข้าสู่ระบบไว้อย่างปลอดภัย – ใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและเก็บไว้ในที่ปลอดภัย
  3. อย่าให้โดเมนและโฮสติ้งอยู่ที่เดียวกันเสมอไป – แยกผู้ให้บริการโดเมนและโฮสติ้งจะช่วยให้จัดการความเสี่ยงได้ดีกว่า
  4. ระวังค่าใช้จ่ายแอบแฝง – เช่น ค่าต่ออายุที่แพงขึ้น, ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับ SSL, ค่าสำรองข้อมูล